โครงงาน คืออะไร
โครงงานเป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้ง หรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ
การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน คือการจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานให้แก่เด็กเหมือนกับการทำงานในชีวิตจริง เพื่อให้เด็กมีประสบการณ์ตรง เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหารู้จักรู้จักการทำงานอย่างมีระบบ รู้จักการวางแผนในการทำงาน ฝึกการคิดวิเคราะห์และเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
โครงงานจัดเป็นการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่ทำให้ผู้เรียนรู้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นขั้นตอนและใช้ความรู้ที่ตนเองได้มาบูรณาการ
ประเภทโครงงาน
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นโครงงานที่บูรณาการความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม ในกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นพื้นฐานในการกำหนดโครงงานและการปฏิบัติ
- โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานตามความสนใจ ที่ผู้เรียนกำหนดขั้นตอน ความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยใช้ทักษะ ความรู้ จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆมาบูรณาการเป็นโครงงานและการปฏิบัติ
สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ตามวัตถุประสงค์
- โครงงานที่เป็นการสำรวจ รวบรวมข้อมูล โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วนำข้อมูลนั้นมาจำแนกเป็นหมวดหมู่ ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก เป็นต้น ทั้งนี้ จุดที่สำคัญก็คือต้องชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลที่ได้สำรวจและรวบรวมมาได้ เช่น โครงงานการสำรวจคำที่มักเขียนผิด โครงงานสำรวจการใช้คำคะนองในหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
- โครงงานที่เป็นการค้นคว้า ทดลอง เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ โดยออกแบบในรูปผลการทดลอง เพื่อศึกษาตัวแปรหนึ่ง จะมีผลต่อตัวแปรที่ต้องการศึกษาอย่างไร ด้วยการควบคุมตัวแปรอื่นๆ อย่างเคร่งครัด มีระเบียบแบบแผนในการทำโครงงานอย่างชัดเจน เช่น โครงงานการทดลองยากันยุงจากพืชสมุนไพร โครงงานการทดลองปลูกพืชสวนครัวโดยใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
- โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอความรู้ หรือหลักการใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มีใครเคยคิดหรือขัดแย้ง หรือขยายจากของเดิมที่มีอยู่ ซึ่งต้องผ่านการพิสูจน์อย่างมีหลักการก่อน เช่น โครงงานการพัฒนาเครื่องทำสลิ่ม โครงงานการพัฒนาพลังความร้อนของแก๊สชีวภาพมาใช้แทนพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
- โครงงานที่เป็นการประดิษฐ์ คิดค้น เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ คือ การนำความรู้ทฤษฎี หลักการ มาประยุกต์ใช้ โดยประดิษฐ์เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่างๆ หรืออาจเป็นการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้นก็ได้ เช่น โครงงานการประดิษฐ์เครื่องจักสานจากผักตบชวา โครงงานการประดิษฐ์เครื่องช่วยสอนวิชาภาษาอังกฤษ เป็นต้น
ขั้นตอนการทำโครงงาน
ขั้นตอนที่ 1 การคิดและเลือกหัวเรื่อง เป็นการหาหัวข้อในการทดลอง ในการที่จะอยากรู้อยากเห็น
ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง/การกำหนดตัวแปรต่างๆ รวมไปถึงการขอคำปรึกษา หรือข้อมูลต่างๆจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 3 การเขียนเค้าโครงของโครงงาน/การออกแบบการทดลอง โดยทั่วไปเค้าโครงของโครงงานจะมีหัวข้อดังต่อไปนี้
หัวข้อ/รายการ | รายละเอียดที่ต้องระบุ |
1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผู้ทำโครงงาน/คณะทำงาน 3. ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน 4. ระยะเวลาดำเนินการ 5. หลักการและเหตุผล/แนวคิด/ที่มา/ ความสำคัญ 6. จุดหมาย/วัตถุประสงค์ 7. สมมติฐานของการศึกษาโครงงาน(ถ้ามี) 8. ขั้นตอนการดำเนินงาน/วิธีการศึกษา (แหล่ง/สถานที่/วัสดุอุปกรณ์/งบประมาณ) 9. แผนปฏิบัติโครงงาน 10. ผลที่คาดว่าจะได้รับ 11. บรรณานุกรม/เอกสารอ้างอิง | 1. ทำอะไร กับใคร เพื่ออะไร 2. ผู้รับผิดชอบโครงงานนี้ 3. ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ 4. ระยะเวลาดำเนินงานโครงงานตั้งแต่ต้นจนจบ 5. เหตุผลและความคาดหวัง 6. สิ่งที่ต้องการให้เกิดเมื่อสิ้นสุดการทำโครงงาน 7. สิ่งที่คาดว่าจะเกิดเมื่อสิ้นสุดการทำโครงงาน 8. ขั้นตอนการทำงาน เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ 9. วัน เวลา และกิจกรรมดำเนินงานต่างๆตั้งแต่ต้นจนเสร็จ 10. สภาพของผลที่ต้องการให้เกิดทั้งที่เป็นผลผลิต กระบวนการ และผลกระทบ 11. ชื่อเอกสารข้อมูล ที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ |
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติโครงงาน เป็นการดำเนินงานตามแผน ที่ได้กำหนดไว้ในเค้าโครงของโครงงาน และต้องมีการจดบันทึกข้อมูลต่างๆได้อย่างละเอียด และต้องจัดทำอย่างเป็นระบบ ระเบียบ อภิปรายผล
ขั้นตอนที่ 5 การเขียนรายงาน ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมประเด็นสำคัญของโครงงาน โดยสามารถเขียนให้อยู่ในรูปต่างๆ เช่น การสรุป รายงานผล ซึ่งประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆ เช่น บทคัดย่อ บทนำ เอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 6 การแสดงผล การแสดงผลงาน เป็นการนำเสนอผลงาน สามารถจัดได้หลายรูปแบบ เช่น การจัดนิทรรศการ หรือทำเป็นสิ่งตีพิมพ์ การสอนแบบเพื่อนสอนเพื่อน ตามแต่นความเหมาะสมของโครงงาน
การเขียนรายงานโครงงาน
การเขียนรายงานโครงงานเป็นรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอผลงานของโครงงานที่ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าตั้งแต่ต้นจนจบ การกำหนดหัวข้อในการเขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุตายตัวเหมือนกันทุกโครงงาน ส่วนประกอบของหัวข้อในรายงานต้องเหมาะสมกับประเภทของโครงงานและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของการเขียนรายงานโครงงาน แบ่งกว้างๆ เป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย
1) ชื่อโครงงาน
2) ชื่อผู้ทำโครงงาน ชั้น โรงเรียน และวันเดือนปีที่จัดทำ
3) ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4) คำนำ
5) สารบัญ
6) สารบัญตาราง หรือภาพประกอบ (ถ้ามี)
7) บทคัดย่อสั้นๆ ที่บอกเค้าโครงอย่างย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง วัตถุประสงค์ วิธีการศึกษา
8) ระยะเวลา และสรุปผล
9) กิตติกรรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
2. ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย
1) บทนำ บอกความเป็นมา ความสำคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจในการเลือก หัวข้อโครงงาน
2) วัตถุประสงค์ของโครงงาน
3) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
4) การดำเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อ ให้การดำเนินงานเป็นไปตามหัวข้อเรื่อง ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน และพิสูจน์คำตอบ(สมมติฐาน) ตาม ประเด็นที่กำหนด ดังตัวอย่างการเขียนแผนผังโครงงานต่อไปนี้
5) สรุปผลการศึกษา เป็นการอธิบายคำตอบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ตามหัวข้อย่อยที่ต้องการทราบว่าเป็นไปตามสมมติฐานหรือไม่
6) อภิปรายผล บอกประโยชน หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกข้อจำกัดหรือ ปัญหา อุปสรรค (ถ้ามี) พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า โครงงานลักษณะใกล้เคียงกัน
3. ส่วนท้าย ประกอบด้วย
1) บรรณานุกรม หรือ เอกสารอ้างอิง หรือเอกสารที่ใช้ค้นคว้า ซึ่งมีหลายประเภท เช่น หนังสือ ตำรา บทความ หรือคอลัมน์ ซึ่งจะมีวิธีการเขียนบรรณานุกรมต่างกัน เช่น
- หนังสือ
ชื่อ นามสกุล. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์, ปีที่พิมพ์
- บทความในวารสาร
ชื่อผู้เขียน “ชื่อบทความ” , ชื่อวารสาร. ปีที่หรือเล่มที่ : หน้า ;วัน เดือน ปี.
- คอลัมน์จากหนังสือพิมพ์
ชื่อผู้เขียน “ชื่อคอลัมน์: ชื่อเรื่องในคอลัมน์” , ชื่อหนังสือพิมพ์.วัน เดือน ปี. หน้า.
2) ภาคผนวก เช่น โครงร่างโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บทสัมภาษณ์
สรุป
การเขียนรายงานโครงงาน เป็นเครื่องแสดงว่าผู้เขียนได้เรียนรู้อะไรมามากน้อยเพียงใด เรียนรู้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และมีความคิดสร้างสรรค์หรือไม่ เมื่อรายงานแสดงคุณค่าของตัวเองเช่นนี้แล้ว ผู้เขียนจึงควรแสดงออกให้ชัดเจนเหมาะสม ถูกต้อง และสวนงาม รายงานที่มีเนื้อหาสาระจะต้องเขียนด้วยสำนวนที่ถูกต้องตามแบบแผน มีการแสดงข้อมูลชัดเจนมีขั้นตอน การนำเสนอต่อเนื่องกันทั้งเรื่อง และมีความประณีต ทั้งในการจัดรูปเล่ม การพิมพ์ และการจัดองค์ประกอบ
รายการอ้างอิง
ดวงเดือน อ่อนน่วม และทิศนา แขมณี. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ.กรุงเทพมหานคร : พัฒนาคุณภาพวิชาการ,2548.
ธีระชัย ปูรณโชติ. การสอนกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ : คู่มือสำหรับครู. กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531.
วิชาการ,กรม. คู่มือการพัฒนาโรงเรียนเข้าสู่มาตรฐานการศึกษา การสอนที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2540.
วิมลศรี สุวรรณรัตน์ และ มานะ ทิพย์คีรี.การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยการทำโครงงาน.กรุงเทพมหานคร : พัฒนาคุณภาพวิชาการ,2546.
สุพล วังสินธิ์. “โครงงาน : การเรียนรู้สู่ปี 2000”,วารสารวิชาการ. ปีที่ 3 ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2543 : หน้า 9.
อุดมศักดิ์ ธนะกิจรุ่งเรือง และคณะ. “โครงงาน”,วารสารวิชาการ. ปีที่ 3 ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2543 : หน้า 17.
จินตนา สุขสมแดน ผู้เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น